อำนาจแห่งพลังงานกรรม

พลังงานใดๆที่เกิดจากกระบวนการทางชีวภาพในระบบชีววิทยาของมนุษย์ คือพลังงานชีวิต ซึ่งเกิดแล้วสิ้นสูญได้เมื่อถูกนำไปใช้ในกระบวนการนั้นๆ แต่พลังงานทางความคิดและพลังงานทางอารมณ์ที่เกิดจากจิตใจ จิตสำนึกหรือสมองคือพลังงานกรรมที่ไม่มีการสิ้นสูญ นอกจากมนุษย์ที่เป็นเจ้าของมันจะยอมรับและชดไช้มันสถานเดียว คนอื่นๆไม่อาจช่วยเหลือได้ดังคำกล่าวที่ว่า กรรมดีกรรมชั่วเป้นของตัวเอง ใครทำใครได้ทำแทนกันไม่ได้คนที่ทำผิดจะยังคงรอให้เราเป็นผู้กำจัดมันอยู่อย่างนั้นเสมอไป พลังงานกรรมใดๆจะไม่มีวันเสื่อมสลาย โดยพลังงานกรรมในอดีตชาติจะส่งผลถึงชาติปัจจุบันได้ แม้ร่างกายมนุษย์จะตายไปจนพลังงานชีวิตมอดดับลงก็ตาม ในการสู่รูปธรรมมนุษย์จิตวิญญาณเท่านั้นที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของเรา เป็นผู้เกิดและดับ การดับของจิตวิญญาณ คือการสามารถพุ่งผ่านหลุดออกไปจากสุดขอบจักรวาลโลก สู่ความเป็นจิตจักรวาลที่ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก ถ้าจิตวิญญาณมีพัธกรรมหรือวิบากกรรมสั่งสมเป็นกลุ่มพลังงานกรรมมากๆด้วยอำนาจแห่งพลังงานกรรมเหล่านั้น จะคอยยึดรั้งจิตวิญญาณไว้ เพื่อนำไปสู่ภพชาติที่ไม่รู้วันสิ้นสุด พลังงานกรรมใดๆของมนุษย์แต่ละคน จะเป็นกลุ่มกรรมของของวิญญาณของมนุษย์ผู้ที่มีจิตวิญญาณนั้นมาถือกำเนิดบนโลกด้วยไม่ว่าภพชาติไหนๆ การสร้างกลุ่มพลังงานกรรมของมนุษย์ในแต่ละภพชาติ จึงเป็นคุณสมบัติของจิตวิญญาณที่จะติดตัวติดตามไปในการเกิดทุกๆภพทุกๆชาตินั้น ไม่ว่าจะเป็นสู่รูปธรรมใด ที่ใด หรือบนดาวเคราะห์ดวงใดในจักรวาลนี้ ในการเป็นมนุษย์นั้น การแสดงออกทางอารมณ์และการกระทำไม่ถูกต้องต่อผู้อื่น มักจะนำไปสู่การสร้างพลังงานทางด้านลบ เช่น โกรธ เกลียด เคียดแค้นโมโห ขุ่นเคือง หดหู่ใจ หรืออื่นๆ ทันทีที่มนุษย์เกิดอารมณ์และความรู้สึกเหล่านี้ขึ้นในจิตใจ ก็เท่ากับว่ามนุษย์ได้สร้างพลังงานกรรมด้านลบขึ้นในเวลาเดียวกัน แม่จะยังไม่กระทำสิ่งใดให้ปรากฏเลยก็ตาม การจะลด ละ หรือเลิก การสร้างพลังงานกรรมด้านลบเหล่านี้มนุษย์จะต้องมีสติและรู้จักควบคุมจิตใจของตนเองไว้ให้มั่นเท่านั้นมนุษย์จึงต้องระมัดระวังตนเองไว้เสมอ เนื่องจากมนุษย์เป็นสัตว์สังคม มีเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ มีแบบบทการดำเนินชีวิตเป็นของตนเอง และมีอะไรหลายๆอย่างที่สามารถถูกกระตุ้นหรือปลุกเร้าให้เกิดพลังงานด้านลบทางอารมณ์ได้ง่าย ดุเหมือนว่าสิ่งเร้าเหล่านั้นจะห้อมล้อมอยู่รอบกายมนุษย์ ในทุกหนทุกแห่งและทุกเวลาเสียด้วย คนที่ดำเนินชีวิตอยู่ในความประมาท มีความอ่อนไหวง่าย มีอุปสรรคในการดำระวังตนมากกว่าคนอื่นๆ ต่อมไฮโปทาลามัสเป็นต่อมไร้ท่อในร่างกายของมนุษย์ที่มีส่วนสำคัญในการปลดปล่อยคลื่นพลังงานทางด้านอารมณ์ของมนุษย์เมื่อจิตใจและจิตสำนึกของมนุษย์ถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้าใดๆมันจะทำหน้าที่ของมันทันทีถ้ามนุษย์จะควบคุมการปลดปล่อยพลังงานทางอารมณ์ที่เป็นพลังงานกรรมของตนเองไว้ให้ได้มนุษย์จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวแก้ไขการทำงานของต่อมนี้โดยตรงไม่ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด แต่มนุษย์ทุกคนยังมีทางเลือกอยู่อีกทางหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างยากแต่สมควรที่จะฝึกมัน นั่นคือมนุษย์จะต้องเรียนรู้การควบคุมจิตใจของตนเองในการสนองตอบสิ่งเร้าภายนอกไม่ให้มากระตุ้นต่อมควบคุมอารมณ์ของเราไปในทางที่เราไม่ต้องการให้จงได้ เป้าหมายสูงสุดคือ ความสงบสุขในจิตใจ เพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ตัวเราจะต้องควานหามันให้พบไม่ว่าจะกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ใดๆ อำนาจแห่งพลังงานกรรม หรือพลังงานอารมณ์ของมนุษย์แต่ละคนนอกจากจะเป็นที่มาในการเกิดภพชาติที่ค่อนข้างยากต่อการเข้าใจ เพราะเป็นเรื่องของอดีตและชาติหน้า อดีตไม่มีใครจำได้อีกทั้งชาติหน้าก็ยังมาไม่ถึง คงพอจะเผยว่าอดีตชาติของมนุษย์จะถูกปกปิดไว้ แต่มันจะเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงปัจจุบันของมนุษย์ และปัจจุบันก็จะมีผลต่อภพชาติหน้าอีกด้วย แต่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการก่อให้เกิดพลังงานกรรม ถ้าจะอธิบายให้ผู้ที่ไม่เชื่อมีสติทางปัญญาเพิ่มขึ้น ก็สามารถบ่งชี้ผลกรรมของมนุษย์นั้นสามารถจะสามารถรับมันในชาตินี้เช่นกัน มนุษย์จะต้องทราบว่า เซลล์แต่ละเซลล์ของร่างกายมนุษย์นั้น ส่วนที่มนุษย์รู้จักในระดับเซลล์นั้นคือ นิวคลีโอไทม์มันจะทำหน้าที่รับผิดชอบด้านบุรพกรรมทางชีวภาพทั้งหมดของโครงสร้างทางชีววิทยาของเรา เช่น ป้อนคำสั่งให้เซลล์นั้นๆมีการเจริญเติบโตมีการฟื้นฟูตัวเอง ซึ่งเป็นพฤติกรรมต่างๆภายในเซลล์ ด้วยกระบวนการทางเคมีหลากหลาย นอกจากนั้นลึกลงไปในคลีโอไทม์ที่นักวิทยาศาสตร์ยังมองไม่เห็นมัน ยังประกอบด้วยเส้นใยเกลียวแม่เหล็กที่มี 2 ขั้ว จำนวน 12 เส้นเร้นอยู่ด้วย เส้นใยเกลียวแม่เหล็กนี้ อาจเรียกว่าสายใยดีเอ็นเอก็ได้ เส้นใยเกลียวแม่เหล็กดังกล่าวนี้ เกิดจากสายใยดีเอ็นเอจำนวน 4 เส้น เรียงตัวซ้ำๆกัน 3 ครั้ง เส้นใยเกลียวแม่เหล็กแต่ละเส้นจะมีคุณสมบัติเป็นแท่งแม่เหล็ก 1 แท่ง เส้นใยเกลียวแม่เหล็กที่มี 2 ขั้ว ทั้ง 12 เส้นนี้ จะทำหน้าที่ด้านบุรพกรรมแม่เหล็กซึ่งมนุษย์แต่ละคนนำติดตัวมาจากจักรวาล โดยมันจะทำหน้าที่สร้างรหัสสัญญาณไฟฟ้าแม่เหล็กขึ้นเมื่อได้รับคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กจากภายนอกร่างกายส่วนใหญ่จะเป็นรหัสพลังงานกรรมจากอดีตชาติของมนุษย์นั้น โดยมีสนามแม่เหล็กโลกเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสื่อสัญญาณ เพื่อกำหนดเป็นบุพกรรมแม่เหล็กเกี่ยวกับการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ของมนุษย์คนนั้น แล้วทวนสัญญาณออกมาภายนอกสู่นิวคลีโอไทม์หรือดีเอ็นเอ เพื่อแปรเปลี่ยนเป็นบุพกรรมทางชีวภาพกำหนดพฤติกรรมของเซลล์นั้นๆต่อไป เส้นใยเกลียวแม่เหล็ก 2 ขั้วเหล่านี้ ในมนุษย์แต่ละคนจะมีความอ่อนไหวต่อพลังงานทางอารมณ์ด้านลบและด้านบวกของตนเองด้วย ซึ่งในแต่ละคนจะไม่เท่ากัน อย่างไรก็ดีเมื่อมนุษย์เกิดพลังงานทางอารมณ์ด้านลบขึ้น เช่น หงุดหงิด เครียด วิตกกังวล โกรธ กลัว และอื่นๆ เส้นใยเกลียวดังกล่าวจะสร้างรหัสบุรพกรรมขึ้นในทันที แล้วทวนสัญญาณนั้นสู่ดีเอ็นเอ ดีเอ็นเอจะนำข้อมูลนั้นสร้างเป็นรหัสบุพกรรมทางชีวภาพอีกทอดหนึ่ง เพื่อสั่งการให้เซลล์ร่างกายหลั่งฮอร์โมนชนิดหนึ่งออกมา เพื่อสกัดกั้นการเจริญเติบโต และการฟื้นฟูตนเองของเซลล์ จะทำให้มนุษย์นั้นสังขารร่วงโรยเร็วขึ้นดูแก่กว่าวัยและมีอายุขัยสั้นลง พลังงานด้านอารมณืของมนุษย์ยังทำให้เซลล์มีอำนาจการป้องกันเชื้อโรคต่างๆลดลงอีกด้วย เส้นใยเกลียวแม่เหล็ก 2 ขั้วที่กล่าวนี้ ปกติแล้วจะถูกกำหนดให้มีความสมดุลกับสนามแม่เหล็กโลกที่ห่อหุ้มร่างกายมนุษย์เสมอ มันจะทำงานผิดปกติทันทีถ้ามนุษย์นั้นเกิดพลังงานทางอารมณ์ด้านลบ และในทางกลับกันถ้ามนุษย์สร้างพลังงานด้านบวกทางอารมณ์เกิดขึ้น ซึ่งเป็นพลังงานชนิดเดียวกันกับสนามแม่เหล็กโลก มันจะสร้างรหัสบุรพกรรมด้านบวกที่เพิ่มขึ้น โดยกระตุ้นดีเอ็นเอให้สร้างบุรพกรรมทางชีวภาพเพื่อสั่งให้เซลล์นั้นๆ หลั่งฮอร์โมนอีกชนิดหนึ่งออกมาเพื่อการเจริญเติบโต การฟื้นฟูตนเอง และการป้องกันเชื้อโรคต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ยังส่งผลให้มนุษย์กระชุ่มกระชวยสุขภาพพลานามัยดีขึ้น มีอายุยืนยาว และแลดูหนุ่มสาวกว่าวัยอีกเช่นกัน ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นผลมาจากพลังงานกรรม ที่ตัวมนุษย์เองเป็นผู้ก่อขึ้น และรับมันได้ภายในชาตินี้ โดยไม่ต้องรอชาติหน้า

ปริญญา ตันสกุล. ความลับเบื้องหลังมิติโลก. กรุงเทพฯ: จิตจักรวาล,2547.

1 ความคิดเห็น:

  1. ข้อมูลที่ล้ำยุค ล้ำค่า มหัศจรรย์มากๆคับ😁😁😁

    ตอบลบ